เมาไม่ขับ (เยอรมนี)

ถึงแม้ว่าจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองเบียร์ แต่อัตรการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศเยอรมนีโดยมีสาเหตมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ กลับมีน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ เหตุผลหนึ่งคงอาจเป็นเพราะว่า กฏหมายโทษปรับของการเมาแล้วขับในประเทศเยอรมนีแห่งนี้ค่อนข้างที่จะรุนแรง ว่าแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าโทษของการเมาแล้วขับในประเทศเยอรมนีจะรุนแรงขนาดไหน

ก่อนอื่นเรามาทราบกันก่อนว่าการวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดของประเทศเยอรมนีนั้น จะวัดเป็นอัตราส่วนเทียบกับมวลของปริมาณเลือดที่มีอยู่ในร่างกาย เป็นหน่วยที่เรียกว่า Promille (g/kg)

1. ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดตั้งแต่ 0.3 แต่น้อยกว่า 0.5 Promille
หากไม่แสดงอาการมึนเมาหรือ ควบคุมสติไม่ได้ จะไม่มีโทษปรับใด

2. ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดมากกว่า 0.5 Promille โทษปรับ € 500 บวกกับแต้มในใบขับขี่ 4 แต้ม และถูกยึดใบขับขี่เป็นเวลา 1 เดือน
หากมีประวัติเมาแล้วขับมาก่อนหน้านี้ โทษปรับ € 1000 บวกกับแต้มในใบขับขี่ 4 แต้ม และถูกห้ามขับขี่รถยนต์เป็นเวลา 3 เดือน
หากมีประวัติเมาแล้วขับมาก่อนหน้านี้มากกว่า 1 ครั้ง  โทษปรับ € 1500 บวกกับแต้มในใบขับขี่ 4 แต้ม และถูกห้ามขับขี่รถยนต์เป็นเวลา 3 เดือน

3. ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดมากกว่า 1.1 Promille ขึ้นไป อาจมีโทษทั้งจำคุก และโทษปรับ รวมไปถึง 7 แต้ม และยึดใบขับขี่ 6 เดือน ถึง 5 ปี
ในกรณีที่ต้องการใบขับขี่คืนจะมีค่าปรับเป็นจำนวน 1-2 เท่าของรายได้สุทธิต่อเดือน

4. ในกรณีที่แสดงอาการมึนเมาและควบคุมสติไม่ได้ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดอุบัติเหตุ
ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดตั้ั้งแต่ 0.3 Promille ขึ้นไป
จะมีโทษปรับเป็นเงิน และแต้มในใบขับขี่อีก 7 แต้ม รวมไปถึงการจำคุกไม่เกิน 5 ปี

ในกรณีของผู้ขับขี่ที่มีอายุต่ำกว่า 21 ปี หรือยังอยู่ในช่วงระยะเวลาทดลอง Probezeit (สองปีนับจากวันที่ออกใบขับขี่) ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้มีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดเลย (0.0 Promille) หากถูกจับได้ จะมีโทษปรับ € 250 บวกกับแต้มสะสมในใบขับขี่ 2 แต้ม และรวมไปถึงการบังคับเข้าอบรมสัมนา MPU(Medizinisch-Psychologische Untersuchung) และยืดระยะเวลาทดลอง (Probezeit) ออกไปอีกสองปีจากระยะเวลาทดลองเดิม

หมายเหตุ: จำนวนโทษปรับเป็นจำนวนขั้นต่ำ

หลักการคำนวณปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดอย่างคร่าวๆ

ก่อนอื่นเราจะต้องรู้ก่อนว่าในตัวเรามีปริมาณเลือดอยู่เท่าไร โดยสามารถคำนวณได้จาก
น้ำหนักตัว(kg) x อัตราส่วนของปริมาณเลือด

อัตราส่วนของปริมาณเลือดในร่างกาย มีค่าประมาณ 0.8 ในเพศชาย และ 0.7 ในเพศหญิง

ยกตัวอย่างเช่น

80 x 0.8 = 64 kg

จากนั้นทำการคำนวณปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป
ยกตัวอย่างเช่น เบียร์ 1 ขวด (500 ml) ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่ 5%

500 x 0.05 = 25 ml

และเนื่องด้วยความถ่วงจำเพาะของ แอลกอฮอล์ที่ ประมาณ 0.8 น้ำหนักของแอลกอฮอล์จริง จะมีค่าเท่ากับ

25 x 0.8 = 20g

ถึงขั้นนี้แล้ว เราก็จะสามารถนำปริมาณของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป เทียบกับประมาณเลือดในร่างกายได้ดังนี้

20g / 64 kg = 0.31 Promille

 

Online Shopping with Cash Back on qipu.de

qipu

qipu

Online Shopping with Cash Back on www.qipu.de

 

 

หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าระบบซื้อข้าวของในประเทศเยอรมนีนั้นค่อนข้างแตกต่างจากบ้านเรา(ประเทศไทย) การซื้อของทางอินเตอร์เน็ตและการส่งสินค้าในประเทศเยอรมนีค่อนข้างมีความน่าเชื่อถือในระดับที่สูง อีกทั้งยังมีราคาที่ย่อมเยากว่าการซื้อของตามร้านค้าปกติทั่วไป แถมยังมีการรับประกันการคืนสินค้าได้เช่นเดียวกัน


การซื้อของทางออนไลน์นั้นถือเป็นเทคนิคที่แพร่หลายในการช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของเราได้ส่วนหนึ่ง แต่หลายคนอาจยังไม่รู้จักระบบการคืนเงิน หรือ Cash Back ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เราประหยัดเงินจากการซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว เรายังจะได้รับเงินคืนเป็นเปอร์เซ็นต์อีกด้วย จำนวนเงินที่่จะคืนหรือ Cash Back นั้น จะขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้าที่ขายสินค้าและบริการ

เว็บไซต์หนึ่งที่น่าสนใจและมีระบบการคืนเงินให้กับลูกค้า ก็คือ qipu.de การทำงานของเว็บนี้็คือ ขั้นแรก เราจะต้องลงทะเบียนกับทางเว็บไซต์ โดยกรอกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ รวมไปถึง เลขบัญชีธนาคาร เพื่อให้ทางเว็บโอนเงินกลับเข้ามาในบัญชีของเรา หลังจากลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ทำการ Login เข้าสู่ระบบของเว็บ qipu.de และหากเราต้องการซื้อสินค้าหรือบริการอะไรก็ตามผ่านทางออนไลน์ ก็สามารถเข้าไปตรวจสอบในเว็บ qipu.de ถึงเงื่อนไขการคืนเงิน และสามารถกดลิงค์เข้าไปในเว็บที่เราต้องการจะซื้อสินค้าหรือบริการผ่านทาง qipu.de ได้เลย เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้เราได้ซื้อสินค้าและบริการในราคาที่ประหยัดแถมยังได้เงินคืนอีกด้วย


Brandswithcashback

ยกตัวอย่างเช่น

Deutsche Post จะให้เงินคืน 4% จากยอดการใช้จ่าย หากเราต้องการส่งพัสดุภายในประเทศ Päckchen โดยปกติแล้วหากเราเดินไปที่สาขาของ Deutsche Post จะมีราคา €4,10 ส่วนราคาในเว็บไซต์จะถูกกว่าคือ €3,99 และเมื่อเราซื้อผ่านเว็บ qipu จะให้เงินคืนอีก €0,16 ซึ่งจะทำให้การส่งพัสดุในครั้งนี้ประหยัดไปได้ถึง €0,27 เลยทีเดียว

นอกเหนือจาก Deutsche Post แลัว ยังมีร้านค้าอีกมากมายที่มีระบบคืนเงินผ่านเว็บไซต์ qipu.de ไม่ว่าจะเป็น การเปิดบัญชีธนาคาร ทำสัญญาโทรศัพท์มือถือ ซื้อตั๋วเครื่องบิน เช่ารถยนต์ และร้านค้าต่างๆ อีกมากมาย

 

Reference: www.qipu.de

เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ในการเช่ารถยนต์

 

การเช่ารถยนต์

การเช่ารถยนต์ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในกรณีที่มีผู้ร่วมเดินทางมากกว่าสามคนขึ้นไป ค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยเฉลี่ยอาจน้อยกว่าการเดินทางโดยรถไฟ หรือเครื่องบิน (ในประเทศเยอรมนี) อย่างไรก็ดี การตัดสินใจเช่ารถนั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ข้อมูลดังต่อไปนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจในการเช่ารถยนต์เพื่อการท่องเที่ยวหรือในโอกาสต่างๆ

  • บริษัทเช่ารถส่วนใหญ่จะมีข้อเสนอในการเช่ารถยนต์ช่วงสุดสัปดาห์ในราคาพิเศษ โดยสามารถรับรถได้ ตั้งแต่ตอนเที่ยงของวันศุกร์เป็นต้นไปและคืนภายในวันจันทร์ก่อน 9:00 นาฬิกา(ของบริษัท Avis สามารถรับรถได้ตั้งแต่วันศุกร์และคืนภายในเวลาเดียวกันของวันจันทร์)

  • ในการเช่ารถแต่ละครั้ง อัตราค่าเช่าจะคิดเป็นทุกๆ 24 ชั่วโมง ยกตัวอย่างเช่น หากเริ่มเช่ารถเวลา 8:00 นาฬิกา ของวันที่ 1 จะต้องทำการคืนรถก่อนเวลา 8:00 นาฬิกา ของวันที่สอง หากเกินกว่านั้นทางบริษัทจะถือเป็นการเช่า 2 วัน

  • การรับรถที่สถานีรถไฟหรือสนามบิน จะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากราคาเช่าปกติประมาณ 25% ในประเทศเยอรมนี ในกรณีที่ต้องการรับรถจากสถานีรถไฟหรือสนามบิน ควรระบุรอบรถไฟหรือเที่ยวบินลงไปในขณะทำการจองด้วย หากรถไฟหรือเที่ยวบินมาถึงที่หมายช้ากว่ากำหนด ทางบริษัทเช่ารถ จะยังคงทำการก็บรักษารถไว้ให้โดยไม่คิดค่าบริการ หรือยกเลิกการจอง

  • ในกรณีที่สถานที่คืนรถอยู่ในต่างเมืองหรือต่างประเทศ จะมีค่าธรรมเนียม One Way Rental เพิ่มขึ้น ขึ้นอยู่กับเมืองและประเทศนั้นๆ

  • หากต้องการรับรถนอกเวลาทำการ ต้องทำการจองรถล่วงหน้าอย่างน้อยสามวันและต้องเสียค่าธรรมเนียมในการรับรถนอกเวลา ซึ่งอาจไม่สามารถทำได้ในทุกสถานีเช่ารถ

  • ผู้ที่สามารถทำการขับรถได้คือผู้เช่าและบุคคลในครอบครัวของผู้เช่าเท่านั้น ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุโดยผู้อื่นเป็นผู้ขับ บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธความรับผิดชอบในความเสียหายของรถยนต์ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากต้องการขับรถที่เช่าหลายคน สามารถระบุชื่อคนที่จะทำการขับเพิ่มได้โดยอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม


การประกันภัย

LDW (Loss Damage Waiver)/ CDW (Collision Damage Waiver)
ประกันคุ้มครองค่าความเสียหายของตัวรถ โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหาย ในกรณีที่ค่าเสียหายสูงกว่าตามที่ตกลงในสัญญาเช่ารถ (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสัญญาเช่า) ยกตัวอย่างเช่น บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบค่าเสียหายของตัวรถในกรณีที่ค่าเสียหายเกินกว่า € 500 ซึ่งในกรณีที่ค่าเสียหายของตัวรถ € 2,000 ผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบในค่าเสียหาย € 500 และส่วนที่เกิน บริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบ หากไม่มีประกันภัยในส่วนนี้ ผู้เช่าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวรถ

หมายเหตุ: บริษัทเช่ารถบางแห่ง อาจมีข้อเสนอในการในเพิ่มการคุ้มครองให้ผู้เช่ารถมีส่วนในการรับผิดชอบกับความเสียหายของตัวรถน้อยลงหรือไม่ต้องรับผิดชอบเลย

PAI (Personal Accident Insurance)
เป็นประกันภัยส่วนบุคคลในกรณีที่มีบุคคลได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

ประเภทและชนิดของรถ

บริษัทเช่ารถส่วนใหญ่ จะแบ่งประเภทและขนาดของรถตามมาตรฐานของ ACRISS (The Association of Car Rental Industry System Standards) ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1989 โดยความร่วมมือกันของบริษัทให้บริการเช่ารถรายใหญ่หลายราย เพื่อเป็นมาตรฐานในการระบุขนาดของรถที่ให้เช่า

รหัส ACRISS ประกอบไปด้วยตัวอักษร 4 ตัวเพื่อระบุขนาด และประเภทของรถ ดังนี้

ตัวอักษรตัวแรกของรหัส (ขนาดของรถ)
M – Mini
E – Economy
C – Compact
I – Intermediate
S – Standard
F – Fullsize
P – Premium
L – Luxury
X – Special

ตัวอักษรตัวที่สองของรหัส (ชนิดของตัวรถ)
B – 2-3 Doors
C – 2/4 Doors
D – 4-5 Doors
F – SUV
L – Limousine
P – Pickup
S – Sport
T – Convertible
V – Passenger Van
W – Wagon
X – Special

ตัวอักษรตัวที่สามของรหัส (ชนิดของเกียร์)
M – Manual
A – Automatic

ตัวอักษรตัวที่สี่ของรหัส (ชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิง/เครื่องปรับอากาศ)
R – Unspecified/Air Conditioned
N – Unspecified/No Air Conditioned

ยกตัวอย่างเช่น
CDAR – Compact, 4-doors, Automatic Transmission and Air-conditioning
IDMR – Intermediate, 4-doors, Manual Transmission and Air-conditioning

 

การทำใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล (Klasse B) ในประเทศเยอรมนี

Verkehrszeichen

การเรียนภาคทฤษฎี

ชั่วโมงบังคับ ตามกฏที่ทางเยอรมัน กำหนดมามีทั้งหมด 14 ชั่วโมง (อาจได้รับการยกเว้น กรณีมีใบขับขี่จากประเทศไทยมาแล้ว)
เนื้อหาของการเรียนจะแบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ 14 หัวข้อดังนี้

1: Persönliche Voraussetzungen / Risikofaktor Mensch
2: Rechtliche Rahmenbedingungen
3: Grundregeln, Verkehrszeichen und Verkehrseinrichtungen
4: Straßenverkehrssystem und seine Nutzung, Bahnübergänge
5: Vorfahrt
6: Verkehrsregelungen
7: Geschwindigkeit, Abstand und umweltschonende Fahrweise
8: Andere Teilnehmer im Straßenverkehr
9: Verkehrsverhalten bei Fahrmanövern, Verkehrsbeobachtung
10: Ruhender Verkehr
11: Verhalten in besonderen Situationen. Folgen von Verstößen gegen die Verkehrsvorschriften
12: Lebenslanges Lernen
13: Technische Bedingungen, Personen- und Güterbeförderung – umweltbewusster Umgang mit Kraftfahrzeugen
14: Fahren mit Solokraftfahrzeugen und Zügen, umweltschonender Umgang mit Kraftfahrzeugen

 

ภาคปฏิบัติ ชั่วโมงเรียนบังคับ (Sonderfahrten)

ชั่วโมงบังคับตามกฏที่ทางเยอรมันกำหนดมามีทั้งหมด 12 ชั่วโมง (อาจได้รับการยกเว้น กรณีมีใบขับขี่จากประเทศไทย) แบ่งเป็น

Überlandfahrten (5 ชั่วโมง)
เป็นการเรียนขับรถบนถนนหลวงระหว่างเมือง เลขถนนส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วยตัวอักษร B
ความเร็วจำกัดไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง

Autobahnfahrten (4 ชั่วโมง)
เป็นการเรียนขับรถบนทางหลวง Autobahn เลขถนนส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วยตัวอักษร A
ความเร็วที่เหมาะสมในการขับในกรณีที่ไม่มีป้ายบังคับจราจรคือ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Dunkelfahrten (3 ชั่วโมง)
เป็นการเรียนขับรถในเวลากลางคืน การเรียนในส่วนนี้้เป็นการเรียนขับรถบน Autobahn
บนทางหลวงระหว่างเมือง และในตัวเมือง รวมไปถึงการควบคุมระบบส่องสว่างของ
ตัวรถด้วย

 

ภาคปฏิบัติ ชั่วโมงเรียนฝึกหัด (Übungsfahrten)

การเรียนชั่วโมงฝึกหัดนั้น ไม่มีกฎหรือข้อบังคับตายตัว ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เรียนและวิจารณญาณของผู้สอน เป็นการเรียนปฏิบัติเพื่อสร้างความคุ้นเคยและเรียนรู้กฎ รวมถึงป้ายจราจรต่างๆ ที่พบเจอบนท้องถนนและมารยาทในการขับรถโดยทั่วๆ ไป

หมายเหตุ: โดยทั่วไปทางโรงเรียนจะเริ่มสอนโดยให้ผู้เรียนเริ่มจากชั่วโมงเรียนฝึกหัดก่อน เมื่อผู้เรียนมีความพร้อมในระดับหนึ่งแล้วจึงเริ่มสอนในชั่วโมงบังคับ

 

การสอบภาคทฤษฎี

คำถามมีทั้งหมด 30 คำถาม จากทั้งหมดประมาณ 1200 คำถาม แบ่งเป็น ความรู้พื้นฐาน 20 คำถาม และคำถามเกี่ยวกับใบขับขี่ Klasse B อีก 10 คำถาม ทั้งหมดเป็นคำถามที่ให้ตอบแบบตัวเลือก
คำถามบางข้ออาจมีข้อถูกมากกว่าหนึ่งข้อ หากตอบไม่ครบ จะถือว่าตอบผิดในข้อนั้นๆ
แต่ละข้อจะมีน้ำหนักของคะแนนที่ไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 2-5 คะแนน หากตอบคำถามผิด จะถูกหักคะแนนตามที่ได้ระบุไว้ในข้อนั้นๆ หากถูกหักคะแนนเกิน 10 คะแนน จะถือว่าไม่ผ่านการสอบในภาคทฤษฎี

 

การสอบภาคปฏิบัติ

ก่อนจะทำการสอบภาคปฏิบัติได้นั้น ผู้สอบจะต้องผ่านการสอบภาคทฏษฎีเสียก่อน
ในการสอบ จะมีผู้คุมสอบจาก TÜV และครูสอนขับรถจากโรงเรียนนั่งไปในรถที่ทำการสอบด้วย
ตัวแทนจาก TÜV จะนั่งบนเบาะที่นั่งด้านหลัง ส่วนครูสอนขับรถจะนั่งในที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับ
จุด
สำคัญที่ผู้คุมสอบมักจะทดสอบผู้เข้าสอบปฎิบัติ ได้แก่

– เวลาจะเปลี่ยนเลนต้องมอง 1.กระจกหลัง 2.กระจกข้าง 3.เปิดไฟเลี้ยว 4.หันหน้าไปไปมองด้านหลัง ตามลำดับ
– กฎ Recht vor Link ใน 30 Zone และ บริเวณลานจอดรถ
– เวลาเลี้ยวรถบริเวณทางแยกที่มีสองเลนหรือมากกว่า หลังจากเลี้ยวไปแล้ว ต้องอยู่ในเลนเดิมของตัวเอง
– หากขับผ่านหรือสวนรถโดยสารประจำทางที่จอดอยู่และเปิดไฟฉุกเฉิน (Warnblinklicht) ให้ขับผ่านไปด้วยความเร็ว Schrittgeschwindigkeit (4-7 km/h) และต้องลดเกียร์ลงมาจนเหลือเกียร์ 1
– ก่อนจะเลี้ยวขวาที่ทางแยก โดยส่วนใหญ่จะต้องระวังและให้คนข้ามและจักรยานไปก่อนเสมอ
– ระวังป้ายที่เป็นวงกลมขาวขอบนอกสีแดง ที่หมายความว่าห้ามเข้า หากมีทางแยกตรงนั้น ให้ไปอีกทางทันทีโดยที่ไม่ต้องรอผู้คุมสอบบอก (อันนี้ผู้คุมสอบจะชอบหลอก)
– ตอนจะลงจากรถใช้มือขวาเปิดประตูที่อยู่ทางด้านซ้าย พร้อมกับหันไปมองด้านหลัง ว่าปลอดภัยหรือไม่ก่อนเปิดประตู

– More, coming soon…

 

ค่าใช้จ่าย

ค่ายื่นใบคำร้อง – Landesamt/Stadt 43.40 ยูโร
ค่าสอบทฤษฎี – TÜV Theorie Prüfung 20.83 ยูโร
ค่าสอบปฏิบัติ – TÜV Praktische Prüfung 84.97 ยูโร
ค่าเรียนภาคทฤษฎี – Grundgebühr ~ 200 ยูโร ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน
ค่าเรียนภาคปฏิบัติ – Übungsfahrten/Sonderfahrten ~ 30-50 ยูโร/ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน
ค่าสอบปฏิบัติ (โรงเรียน) ขึ่นอยู่กับแต่ละโรงเรียน บางแห่งคิดราคาเท่ากับชั่วโมงเรียนปกติ บางแห่งอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่ม
ค่าทดสอบสายตา – Sehtest ~ 10 ยูโร
ค่าอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้น – Erste Hilfe Kurs ~ 20 ยูโร
ค่าเอกสารการเรียน – Lehrmaterial ~50 ยูโร

 

 

หมายเหตุ: สำหรับผู้ที่มีใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลจากประเทศไทยสามารถนำใบขับขี่ของประเทศไทย ไปแปลเป็นภาษาเยอรมันที่สำนักงาน ADAC (Allgemeiner Deutscher Automobil-Club e.V.) เพื่อนำไปยื่นพร้อมกับใบสมัครเพื่อยกเว้นการเรียนชั่วโมงบังคับในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติได้ โดยค่าแปลจะอยู่ที่ประมาณ 59 ยูโร